รวมสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้จ.พัทลุง+ภูเก็ต+ยะลา+ระนอง
หน้า 1 จาก 1
รวมสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้จ.พัทลุง+ภูเก็ต+ยะลา+ระนอง
สถานที่ท่องเที่ยว
:: ถ้ำสุมโน ::
อยู่ตำบลบ้านนา ห่างจากตัวเมืองไปตามถนนเพชรเกษม (สายพัทลุง-ตรัง) ประมาณ 21 กิโลเมตร ตัวถ้ำห่างจากถนนประมาณ 500 เมตร เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย และมีห้องโถงกว้างขวางใหญ่โตและร่มเย็นวิจิตรตระการตาตามธรรมชาติซึ่งมีทั้ง หมด 18 ถ้ำ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ หลายองค์ บริเวณถ้ำยังเป็นสถานที่ วิปัสสนาและปฏิบัติธรรมอีกด้วย
:: น้ำตกไพรวัลย์ ::
ตั้งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตำบลคลองเฉลิม เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เงียบสงบร่มเย็นด้วยพรรณไม้นานาชนิด บริเวณน้ำตก มีร้านอาหารบริการ การเดินทาง จากตัวเมืองพัทลุง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถึงสามแยกกงหราเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4122 ประมาณ 29 กิโลเมตร และจะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกอีก 3 กิโลเมตร หรือถ้านักท่องเที่ยวต้องการไปเที่ยวเองสามารถขึ้นรถสองแถวสายน้ำตกไพร วัลย์-พัทลุง ซึ่งคิวรถจะจอดอยู่เยื้อง สถานีรถไฟพัทลุงเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น.และจากน้ำตกไพรวัลย์มาพัทลุงคันสุดท้ายหมดเวลา 15.00 น. รถออกทุก 15 นาที ทุกวัน
:: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ::
ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2518 แต่ประชาชนมักเรียกกันว่า “อุทยานนกน้ำทะเลน้อย” ซึ่งนับเป็นเขต ห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รอบๆทะเลน้อย บริเวณพรุควนขี้เสียน เป็นแรมซาร์ไซต์แห่งแรกของประเทศไทย เขตห้ามล่าสัตว์ป่านี้มีเนื้อที่ประมาณ 285,625 ไร่ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดคือ พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช ส่วนที่เป็นพื้นน้ำ (ทะเลน้อย) ประมาณ 17,500 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ ของทะเลน้อยเป็นพื้นที่ราบริมทะเลสาบ ประกอบด้วย นาข้าว ป่าพรุ ทุ่งหญ้า ตัวทะเลน้อยกว้างประมาณ 5 กิโลเมตร ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร มีพืชน้ำปกคลุม เช่น ผักตบชวา กง กระจูดหนู บัวต่างๆ และพืชลอยน้ำ ความลึกเฉลี่ย 1.25 เมตร สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่แบ่งออกเป็น นกน้ำ 287 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 26 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 6 ชนิด นกน้ำมีทั้งนกที่ประจำถิ่นและนกอพยพ เช่นนกกาบบัว นกกุลา นกกระสานวล นกกระสาแดง นกกาเล็กน้ำ นกแขวก เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจในการเที่ยวชมอุทยานนกน้ำทะเลน้อยคือ พระตำหนักทะเลน้อย ทะเลบัวยามเช้า ฝูงนกน้ำนานาชนิด แหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำบริเวณอ่าวหม้อ หน่วยพิทักษ์ป่าควนขี้เสียน แหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำบริเวณควนทะเลมอง และจุดชมธรรมชาติบริเวณศาลานางเรียม
:: พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ::
หรือที่เรียกกันว่า “พระสี่มุมเมือง” เป็นพระพุทธรูปประจำภาคใต้ และปูชนียวัตถุคู่เมืองของพัทลุง ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาจตุรมุข บริเวณด้านหน้าระหว่างศาลา กลางจังหวัด กับศาลจังหวัดพัทลุง เป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ปางสมาธิ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ที่จังหวัดพัทลุง เมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2511
:: อนุสาวรีย์พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ::
ประดิษฐานอยู่ที่สามแยกท่ามิหรำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ตามประวัติกล่าวว่าพระยาทุกขราษฎร์ เดิมเป็นพระ ชื่อพระมหาช่วย จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ ในรัชกาลที่ 1 ซึ่งขณะนั้นเกิดสงคราม 9 ทัพ พระมหาช่วยได้ช่วยพระยาพัทลุงนำชาวบ้านเข้าต่อต้านกองทัพพม่าจนแตกพ่าย ต่อมาจึงลาสิกขาบทแล้วได้รับการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาทุกขราษฎร์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทำราชการเมืองพัทลุง มีตำแหน่ง “พระยา” เทียบเท่าเจ้าเมือง
:: ศูนย์รวมหัตถกรรมกะลามะพร้าวเมืองพัทลุง ::
อยู่ที่หมู่ 1 ตำบลชัยบุรี ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางที่แยกไสยวน ประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมผลิตภัณฑ์กะลาที่มีชื่อเสียง จนได้ชื่อว่า “หมู่บ้านกะลาเงินล้าน” จากแนวความคิดของนายปลื้ม ชูคง ผู้นำชุมชนเป็นผู้ริเริ่ม โดยมีการนำกะลามะพร้าวมาออกแบบเป็นภาชนะสำหรับใช้ในครัวเรือน เครื่องประดับ เช่น ช้อน ถ้วยกาแฟ ถ้วยน้ำ กระบวยตักน้ำ ทัพพี โคมไฟและเครื่องประดับ ซึ่งจะส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนใจชมวิถีชีวิต ชาวบ้านและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ติดต่อนายปลื้ม ชูคง
:: วังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า-วังใหม่) ::
ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง เดิมเป็นที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งคือ วังเก่า สร้างในสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการ ต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระ บุตรีของหลวงศรีวรฉัตร ส่วนวังใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาพัทลุงซึ่งเป็นเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันทายาทตระกูล “จันทโรจวงศ์” ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติและกรมศิลปากรได้ ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวังเก่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 และวังใหม่ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00–16.00 น. เสียค่าเข้าชมคนไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท
:: เขาอกทะลุ ::
จากวัดคูหาสวรรค์ไปตามทางหลวงหมายเลข 4047 จะพบเขาอกทะลุ ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านตะวันออกของสถานีรถไฟ เขาอกทะลุเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง มีความสูงประมาณ 250 เมตร มีบันไดสำหรับขึ้นยอดเขาเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองพัทลุงได้ ลักษณะพิเศษของภูเขาลูกนี้คือ มีโพรงทะลุมองเห็นอีกด้านหนึ่ง อยู่บริเวณ เกือบตอนปลายของยอดเขา
จ.ภูเก็ต
ชมพระอาทิตย์ ตกทะเล ที่แหลมพรหมเทพ ::
จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะ ภูเก็ต มุมมองสวยที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตกและได้รับการประกาศเป็นจุดสำคัญทางดารา ศาสตร์จุดหนึ่งของเมืองไทย
แม้จะรู้จักกันดีว่า นี่คือแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของเกาะภูเก็ต แต่แหลมพรหมเทพก็ยังเป็นสัญลักษณ์อันมั่นคง ที่คนมาภูเก็ตต้องไปดู พระอาทิตย์ตกทะเลผ่านดงตาลและปลายแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ วันเวลาพิเศษสุดพลาดไม่ได้ต้องไปในฤดูแล้งที่ฟ้าใสทะเลสวย เดือนธันวาคมหญ้าบนปลายแหลมจะกลายเป็นสีทอง ในยามเย็นใครเห็นก็ต้องยอมรับว่าพระอาทิตย์ตกทะเลสวยที่สุดของประเทศไทยอยู่ ที่นี่
ชมพระอาทิตย์ตกทะเล สวยที่สุดในเมืองไทย ที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ประมาณ 18.00 น. ช่วงพระอาทิตย์ตก
ฤดู กาลที่ดีที่สุด: ฤดูร้อนราวเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: บริเวณสันเขื่อนบนแหลมพรหมเทพ
:: บ้านชินประชา ::
เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ในตัวเมืองภูเก็ต คุณประชา ตัณฑวณิช ซึ่งเป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมทั้งได้สะสมของเก่าที่น่าสนใจมากมาย เหมาะเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรม การใช้ชีวิตของชาวภูเก็ตในสมัยเมื่อร้อยปีมาแล้ว ลักษณะที่โดดเด่นของบ้าน คือ ประตูบ้านลงรักปิดทอง มีอักษรจีน ตรงกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ ตกแต่งด้วยเครื่องเรือน เครื่องใช้โบราณ ภาพถ่าย ภาพวาดในอดีตที่สวยงามและน่าสนใจ
บ้านชินประชาเปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท สอบถามรายละเอียด โทร. 0 7621 1167
:: อนุสาวรีย์วีรสตรี ::
อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร ตั้งอยู่ที่สี่แยกท่าเรือ ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 12 กิโลเมตร เป็นอนุสาวรีย์ที่ชาวภูเก็ตร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อปี 2509 เพื่อเชิดชูเกียรติวีรสตรีผู้กล้าหาญแห่งเมืองถลาง
:: หาดป่าตอง ::
ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนวิชิตสงคราม หรือ ทางหลวงหมายเลข 4020 ไป 9 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4029 ไปอีก 6 กิโลเมตร เป็นอ่าวที่มีความโค้งมาก หาดทรายงดงามเป็นแนวยาว 9 กิโลเมตร น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะแก่การเล่นน้ำ บริเวณหาดมีที่พัก บริษัทนำเที่ยว ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิง บริการนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน
:: พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยภูเก็ต ::
ตั้งอยู่บนถนนสายห้าแยกฉลอง-หาดราไวย์ เป็นแหล่งรวบรวมเปลือกหอยหลากสีสันและลวดลายจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีการจัดเรียงหอยเป็นหมวดหมู่ ซึ่งประกอบด้วย ฟอสซิล เปลือกหอย อายุหลายร้อยล้านปี เปลือกหอยยักษ์น้ำหนักกว่า 250 กิโลกรัม แอมโมไนท์ขนาดใหญ่เกือบเท่าล้อรถ ไข่มุกสีทองหนัก 140 กะรัต เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 7638 1888, 0 7638 1274
จ.ยะลา สถานที่ท่องเที่ยว
:: น้ำตกธารโต ::
อยู่ที่ตำบลถ้ำทะลุ ห่างจากตัวเมืองยะลาไปตามถนนสายยะลา-เบตง (ทางหลวง 410) กิโลเมตรที่ 47-48 มีทางแยกขวาไปอีกราว 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 7 ชั้น มองเห็นเป็นทางน้ำที่ไหลลดหลั่นมาจากภูเขาสูง มีแอ่งน้ำซึ่งสามารถเล่นน้ำได้ โดยรอบร่มรื่นไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจมากมายรวมทั้งต้นศรียะลา หรืออโศกเหลือง ซึ่งจะออกดอกชูช่อสีเหลืองสวยงามในราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
:: น้ำตกละอองรุ้ง ::
อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม "เงาะซาไก" เดิมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาของป่า มีความชำนาญในด้านสมุนไพร และเป่าลูกดอกล่าสัตว์ บ้านเรือนของซาไก เดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดยรวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพทำสวนยาง และได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขอใช้คำว่า "ศรีธารโต" ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้แยกย้ายไปทำงานที่อื่น
:: หมู่บ้านซาไก ::
อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่าซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “เงาะซาไก” เดิมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาของป่า มีความชำนาญในด้านสมุนไพรและเป่าลูกดอกล่าสัตว์ บ้านเรือนของซาไกเดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดยรวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพทำสวนยางและได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขอ ใช้คำว่า “ศรีธารโต” ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้แยกย้ายไปทำงานที่อื่น
:: เขื่อนบางลาง ::
ตั้งอยู่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ ห่างจากจังหวัดยะลาไปตามทางหลวงหมายเลข 410 ประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายไปอีก12 กิโลเมตร เขื่อนบางลางเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิด กั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน บางลาง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2524บริเวณเหนือเขื่อนในบริเวณที่ตั้งของสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีจุดชมทิวทัศน์มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำและทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม ติดต่อบ้านพักรับรอง โทร. 0 7328 1063-6 ต่อ 2206 บริการล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาบเหนือเขื่อน โทร. โทร. 0 7328 1063-6 ต่อ 2209, 2205
:: นกนางแอ่น ::
ยามพลบค่ำ บนท้องฟ้าในย่านชุมชนกลางเมืองเบตง จะเต็มไปด้วยนกนางแอ่น ที่บินมาอาศัยหลับนอนเกาะอยู่ตามอาคารบ้านเรือน และสายไฟฟ้าอยู่มากมาย โดยเฉพาะที่บริเวณหอนาฬิกา ซึ่งประดับด้วยไฟฟ้าสว่างไสวตลอดคืน จะมีนกหนาแน่นเป็นพิเศษ เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเบตง นกนางแอ่นเหล่านี้บินหนีความหนาวมาจากไซบีเรีย จะพบเห็นเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนกันยายน-มีนาคม
:: น้ำตกอินทสร ::
อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตง 15 กิโลเมตร หรือเลยจากบ่อน้ำร้อนเบตงไปอีก 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากภูเขา รอบบริเวณปกคลุมด้วยป่าไม้ร่มรื่น และมีแอ่งน้ำสามารถว่ายน้ำเล่นและพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
จ.ระนองสถานที่ท่องเที่ยว
:: พลับพลึงธารบานเร้นลับ ที่ผืนป่าคลองนาคา ::
พลับพลึงธาร คือ ที่สุดของความเร้นลับอย่างหนึ่งในผืนป่าคลองนาคา เดือนพฤศจิกายนทุกปี ทั้งคลองนาคาจะเต็มไปด้วยดอกไม้หายากชนิดนี้
ผืนป่าคลองนาคา กิ่งอ.สุขสำราญ จ.ระนอง เป็นป่าดงดิบ ผืนใหญ่ที่ต่อเนื่องกับป่าเขาสกและป่าคลองแสง ในเขตจ.สุราษฎร์ธานีและป่าศรีพังงา อ.คุระบุรี จ.พังงา จนกลายเป็นผืนป่าที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรภาคใต้ความลี้ลับของ ป่าดงดิบผืนนี้มีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือความงามของดอกพลับพลึงธาร (Crinum thaianum) ไม้น้ำหายากซึ่งพบที่เดียวในเมืองไทยที่คลองนาคา ซึ่งเดือนพฤศจิกายน คือเดือนที่พลับพลึงธาร บานมากที่สุด
พลับพลึงธารบานเร้นลับ ที่ผืนป่าคลองนาคา จ.ระนอง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเวลาเช้าก่อน 09.00 น.
ฤดูกาลที่ดี ที่สุด: เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: จุดชมพลับพลึงธารคลองนาคา
:: บ่อน้ำร้อน-สวนสาธารณะรักษะวา ริน ::
อยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4005 ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 2 กิโลเมตร ในปี พ.ศ.2433 พระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสเมืองระนอง ได้พระราชทานชื่อถนนที่จะไปยังบ่อน้ำร้อนว่า “ถนนชลระอุ” บ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่และบ่อ ลูก ทั้ง 3 บ่อมีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส สามารถใช้ดื่มและอาบได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่การบำบัดรักษาสุขภาพ นอกจากนี้ยังถือเป็นน้ำบริสุทธิ์ จึงเป็นแหล่งหนึ่งที่นำไปผ่านพิธีพุทธาภิเษก ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในคราวพระราชพิธีฉลองพระ ชนมพรรษา ครบ 5 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นบริเวณใกล้ ๆ บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ “รักษะวาริน” มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
:: เกาะพยาม ::
เกาะพยาม ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลเกาะพยาม ห่างจากปากน้ำระนองประมาณ 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือ 1-2 ชั่วโมง เกาะพยามเป็นแหล่งปลูกมะม่วงหิมพานต์ หรือกาหยู ที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัด มีชายหาดขาวสะอาดทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามตัวเกาะหลายแห่ง
การเดินทาง จากปากน้ำระนอง บริเวณท่าเรือสะพานปลา สามารถเช่าเหมาเรือ ราคา 1,000 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง หรือติดต่อเรือเร็วของเกาะพยามรีสอร์ท ติดต่อล่วงหน้าได้ที่ โทร. 0 7781 2297, 0 1219 2677 หรือติดต่อบริการนำเที่ยวเป็นหมู่คณะของโรงแรมจันทร์สมธารา สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0 2946 3639, 0 2946 3720 สำนักงานระนอง โทร. 0 7782 1511
นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะพยามยังมีเกาะอีกหลายแห่ง ซึ่งเป็นแหล่งตกปลา เช่น เกาะสินไห เกาะช้าง นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเช่าเหมาเรือจากปากน้ำระนอง ท่าเรือสะพานปลาได้เช่นเดียวกัน
:: คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ ::
อยู่ในเขตบ้านทับหลี ตำบลละมุ กิโลเมตรที่ 545 ของทางหลวงหมายเลข 4 ห่างจากเขตเทศบาลเมือง 66 กิโลเมตร บริเวณนี้เป็นส่วนที่แคบที่สุดของแหลมมลายู โดยมีระยะจากฝั่งทะเลทางตะวันตกจรดตะวันออก กว้างเพียง 44 กิโลเมตร มีแผ่นป้ายคอนกรีตขนาดใหญ่จำลองแผนที่แสดงจุดที่ตั้งของคอคอดกระ ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมากแห่งหนึ่งของจังหวัด ระนอง และยังสามารถชมทิวทัศน์ของแม่น้ำกระบุรี ซึ่งแบ่งพรมแดนไทย-พม่า ได้อย่างชัดเจน
:: ภูเขาหญ้าหรือเขาหัวล้าน หรือเขาผี ::
ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหงาว จากเขตเทศบาลเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) ประมาณ 13 กิโลเมตร เขาหัวล้านหรือเขาผีนี้ เป็นภูเขาที่ไม่มีไม้ใหญ่ขึ้น ในฤดูฝนมีหญ้าสีเขียวขึ้นปกคลุมแนวเขาที่ทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ บางครั้งจึงเรียกว่า ภูเขาหญ้า ที่ราบเชิงเขามีทางเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวขึ้นสู่บนสันเขาเพื่อชม ทิวทัศน์โดยรอบ
:: หาดชาญดำริ ::
อยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนองไปตามทางหลวงหมายเลข 4004 (ระนอง-ปากน้ำ) ระยะทาง 9 กิโลเมตร หรือห่างจากสุสานเจ้าเมืองระนอง 8 กิโลเมตร ก่อนถึงหาดชาญดำริประมาณ 200 เมตร จะเป็นเนินเขาสูง สามารถชมทิวทัศน์ของชุมชนปากน้ำระนอง และเกาะสองหรือวิคตอเรียพอยท์ของฝั่งพม่า ตลอดจนเกาะแก่งอื่นๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำกระบุรีและยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถชมพระ อาทิตย์ตกได้อย่างดี หาดชาญดำริมีท่าเทียบเรือสำหรับเรือท่องเที่ยวซึ่งบริการนำเที่ยวไปยังเกาะ แก่งต่างๆ ของระนองในทะเลอันดามันด้วย
:: น้ำตกโตนเพชร ::
ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลราชกรูด ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนอง 29 กิโลเมตร (ระนอง-พังงา) กิโลเมตรที่ 641 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนลูกรังที่มีป้ายบอกทางเข้าค่ายลูกเสือระนอง 2 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำตกโตนเพชร ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 11 ชั้น แต่ละชั้นสายน้ำมีลักษณะลดหลั่นลงมาผ่านแนวชะง่อนหินดูสวยงาม และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี โดยต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาพ่อตาโชงโดง ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดระนอง ส่วนสภาพป่าข้างเคียงเป็นป่าดิบชื้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปชมน้ำตกโตนเพชร สามารถติดต่อชาวบ้านที่อยู่ใกล้น้ำตกให้เป็นผู้นำทางไปชมน้ำตกได้
:: น้ำตกปุญญบาล ::
เดิมชื่อน้ำตกเส็ดตะกวด ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลบางนอน ริมทางหลวงหมายเลข 4 ทางไปจังหวัดชุมพร กิโลเมตรที่ 597 จะเห็นน้ำตกอยู่ด้านขวามือ สูงประมาณ 20 เมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวแวะพักผ่อน มีบริเวณที่จอดรถ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
:: ถ้ำสุมโน ::
อยู่ตำบลบ้านนา ห่างจากตัวเมืองไปตามถนนเพชรเกษม (สายพัทลุง-ตรัง) ประมาณ 21 กิโลเมตร ตัวถ้ำห่างจากถนนประมาณ 500 เมตร เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย และมีห้องโถงกว้างขวางใหญ่โตและร่มเย็นวิจิตรตระการตาตามธรรมชาติซึ่งมีทั้ง หมด 18 ถ้ำ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ หลายองค์ บริเวณถ้ำยังเป็นสถานที่ วิปัสสนาและปฏิบัติธรรมอีกด้วย
:: น้ำตกไพรวัลย์ ::
ตั้งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตำบลคลองเฉลิม เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เงียบสงบร่มเย็นด้วยพรรณไม้นานาชนิด บริเวณน้ำตก มีร้านอาหารบริการ การเดินทาง จากตัวเมืองพัทลุง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถึงสามแยกกงหราเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4122 ประมาณ 29 กิโลเมตร และจะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกอีก 3 กิโลเมตร หรือถ้านักท่องเที่ยวต้องการไปเที่ยวเองสามารถขึ้นรถสองแถวสายน้ำตกไพร วัลย์-พัทลุง ซึ่งคิวรถจะจอดอยู่เยื้อง สถานีรถไฟพัทลุงเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น.และจากน้ำตกไพรวัลย์มาพัทลุงคันสุดท้ายหมดเวลา 15.00 น. รถออกทุก 15 นาที ทุกวัน
:: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ::
ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2518 แต่ประชาชนมักเรียกกันว่า “อุทยานนกน้ำทะเลน้อย” ซึ่งนับเป็นเขต ห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รอบๆทะเลน้อย บริเวณพรุควนขี้เสียน เป็นแรมซาร์ไซต์แห่งแรกของประเทศไทย เขตห้ามล่าสัตว์ป่านี้มีเนื้อที่ประมาณ 285,625 ไร่ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดคือ พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช ส่วนที่เป็นพื้นน้ำ (ทะเลน้อย) ประมาณ 17,500 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ ของทะเลน้อยเป็นพื้นที่ราบริมทะเลสาบ ประกอบด้วย นาข้าว ป่าพรุ ทุ่งหญ้า ตัวทะเลน้อยกว้างประมาณ 5 กิโลเมตร ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร มีพืชน้ำปกคลุม เช่น ผักตบชวา กง กระจูดหนู บัวต่างๆ และพืชลอยน้ำ ความลึกเฉลี่ย 1.25 เมตร สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่แบ่งออกเป็น นกน้ำ 287 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 26 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 6 ชนิด นกน้ำมีทั้งนกที่ประจำถิ่นและนกอพยพ เช่นนกกาบบัว นกกุลา นกกระสานวล นกกระสาแดง นกกาเล็กน้ำ นกแขวก เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจในการเที่ยวชมอุทยานนกน้ำทะเลน้อยคือ พระตำหนักทะเลน้อย ทะเลบัวยามเช้า ฝูงนกน้ำนานาชนิด แหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำบริเวณอ่าวหม้อ หน่วยพิทักษ์ป่าควนขี้เสียน แหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำบริเวณควนทะเลมอง และจุดชมธรรมชาติบริเวณศาลานางเรียม
:: พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ::
หรือที่เรียกกันว่า “พระสี่มุมเมือง” เป็นพระพุทธรูปประจำภาคใต้ และปูชนียวัตถุคู่เมืองของพัทลุง ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาจตุรมุข บริเวณด้านหน้าระหว่างศาลา กลางจังหวัด กับศาลจังหวัดพัทลุง เป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ปางสมาธิ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ที่จังหวัดพัทลุง เมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2511
:: อนุสาวรีย์พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ::
ประดิษฐานอยู่ที่สามแยกท่ามิหรำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ตามประวัติกล่าวว่าพระยาทุกขราษฎร์ เดิมเป็นพระ ชื่อพระมหาช่วย จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ ในรัชกาลที่ 1 ซึ่งขณะนั้นเกิดสงคราม 9 ทัพ พระมหาช่วยได้ช่วยพระยาพัทลุงนำชาวบ้านเข้าต่อต้านกองทัพพม่าจนแตกพ่าย ต่อมาจึงลาสิกขาบทแล้วได้รับการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาทุกขราษฎร์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทำราชการเมืองพัทลุง มีตำแหน่ง “พระยา” เทียบเท่าเจ้าเมือง
:: ศูนย์รวมหัตถกรรมกะลามะพร้าวเมืองพัทลุง ::
อยู่ที่หมู่ 1 ตำบลชัยบุรี ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางที่แยกไสยวน ประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมผลิตภัณฑ์กะลาที่มีชื่อเสียง จนได้ชื่อว่า “หมู่บ้านกะลาเงินล้าน” จากแนวความคิดของนายปลื้ม ชูคง ผู้นำชุมชนเป็นผู้ริเริ่ม โดยมีการนำกะลามะพร้าวมาออกแบบเป็นภาชนะสำหรับใช้ในครัวเรือน เครื่องประดับ เช่น ช้อน ถ้วยกาแฟ ถ้วยน้ำ กระบวยตักน้ำ ทัพพี โคมไฟและเครื่องประดับ ซึ่งจะส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนใจชมวิถีชีวิต ชาวบ้านและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ติดต่อนายปลื้ม ชูคง
:: วังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า-วังใหม่) ::
ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง เดิมเป็นที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งคือ วังเก่า สร้างในสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการ ต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระ บุตรีของหลวงศรีวรฉัตร ส่วนวังใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาพัทลุงซึ่งเป็นเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันทายาทตระกูล “จันทโรจวงศ์” ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติและกรมศิลปากรได้ ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวังเก่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 และวังใหม่ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00–16.00 น. เสียค่าเข้าชมคนไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท
:: เขาอกทะลุ ::
จากวัดคูหาสวรรค์ไปตามทางหลวงหมายเลข 4047 จะพบเขาอกทะลุ ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านตะวันออกของสถานีรถไฟ เขาอกทะลุเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง มีความสูงประมาณ 250 เมตร มีบันไดสำหรับขึ้นยอดเขาเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองพัทลุงได้ ลักษณะพิเศษของภูเขาลูกนี้คือ มีโพรงทะลุมองเห็นอีกด้านหนึ่ง อยู่บริเวณ เกือบตอนปลายของยอดเขา
จ.ภูเก็ต
ชมพระอาทิตย์ ตกทะเล ที่แหลมพรหมเทพ ::
จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะ ภูเก็ต มุมมองสวยที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตกและได้รับการประกาศเป็นจุดสำคัญทางดารา ศาสตร์จุดหนึ่งของเมืองไทย
แม้จะรู้จักกันดีว่า นี่คือแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของเกาะภูเก็ต แต่แหลมพรหมเทพก็ยังเป็นสัญลักษณ์อันมั่นคง ที่คนมาภูเก็ตต้องไปดู พระอาทิตย์ตกทะเลผ่านดงตาลและปลายแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ วันเวลาพิเศษสุดพลาดไม่ได้ต้องไปในฤดูแล้งที่ฟ้าใสทะเลสวย เดือนธันวาคมหญ้าบนปลายแหลมจะกลายเป็นสีทอง ในยามเย็นใครเห็นก็ต้องยอมรับว่าพระอาทิตย์ตกทะเลสวยที่สุดของประเทศไทยอยู่ ที่นี่
ชมพระอาทิตย์ตกทะเล สวยที่สุดในเมืองไทย ที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ประมาณ 18.00 น. ช่วงพระอาทิตย์ตก
ฤดู กาลที่ดีที่สุด: ฤดูร้อนราวเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: บริเวณสันเขื่อนบนแหลมพรหมเทพ
:: บ้านชินประชา ::
เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ในตัวเมืองภูเก็ต คุณประชา ตัณฑวณิช ซึ่งเป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมทั้งได้สะสมของเก่าที่น่าสนใจมากมาย เหมาะเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรม การใช้ชีวิตของชาวภูเก็ตในสมัยเมื่อร้อยปีมาแล้ว ลักษณะที่โดดเด่นของบ้าน คือ ประตูบ้านลงรักปิดทอง มีอักษรจีน ตรงกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ ตกแต่งด้วยเครื่องเรือน เครื่องใช้โบราณ ภาพถ่าย ภาพวาดในอดีตที่สวยงามและน่าสนใจ
บ้านชินประชาเปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท สอบถามรายละเอียด โทร. 0 7621 1167
:: อนุสาวรีย์วีรสตรี ::
อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร ตั้งอยู่ที่สี่แยกท่าเรือ ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 12 กิโลเมตร เป็นอนุสาวรีย์ที่ชาวภูเก็ตร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อปี 2509 เพื่อเชิดชูเกียรติวีรสตรีผู้กล้าหาญแห่งเมืองถลาง
:: หาดป่าตอง ::
ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนวิชิตสงคราม หรือ ทางหลวงหมายเลข 4020 ไป 9 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4029 ไปอีก 6 กิโลเมตร เป็นอ่าวที่มีความโค้งมาก หาดทรายงดงามเป็นแนวยาว 9 กิโลเมตร น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะแก่การเล่นน้ำ บริเวณหาดมีที่พัก บริษัทนำเที่ยว ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิง บริการนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน
:: พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยภูเก็ต ::
ตั้งอยู่บนถนนสายห้าแยกฉลอง-หาดราไวย์ เป็นแหล่งรวบรวมเปลือกหอยหลากสีสันและลวดลายจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีการจัดเรียงหอยเป็นหมวดหมู่ ซึ่งประกอบด้วย ฟอสซิล เปลือกหอย อายุหลายร้อยล้านปี เปลือกหอยยักษ์น้ำหนักกว่า 250 กิโลกรัม แอมโมไนท์ขนาดใหญ่เกือบเท่าล้อรถ ไข่มุกสีทองหนัก 140 กะรัต เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 7638 1888, 0 7638 1274
จ.ยะลา สถานที่ท่องเที่ยว
:: น้ำตกธารโต ::
อยู่ที่ตำบลถ้ำทะลุ ห่างจากตัวเมืองยะลาไปตามถนนสายยะลา-เบตง (ทางหลวง 410) กิโลเมตรที่ 47-48 มีทางแยกขวาไปอีกราว 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 7 ชั้น มองเห็นเป็นทางน้ำที่ไหลลดหลั่นมาจากภูเขาสูง มีแอ่งน้ำซึ่งสามารถเล่นน้ำได้ โดยรอบร่มรื่นไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจมากมายรวมทั้งต้นศรียะลา หรืออโศกเหลือง ซึ่งจะออกดอกชูช่อสีเหลืองสวยงามในราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
:: น้ำตกละอองรุ้ง ::
อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม "เงาะซาไก" เดิมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาของป่า มีความชำนาญในด้านสมุนไพร และเป่าลูกดอกล่าสัตว์ บ้านเรือนของซาไก เดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดยรวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพทำสวนยาง และได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขอใช้คำว่า "ศรีธารโต" ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้แยกย้ายไปทำงานที่อื่น
:: หมู่บ้านซาไก ::
อยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่าซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “เงาะซาไก” เดิมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาของป่า มีความชำนาญในด้านสมุนไพรและเป่าลูกดอกล่าสัตว์ บ้านเรือนของซาไกเดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดยรวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพทำสวนยางและได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขอ ใช้คำว่า “ศรีธารโต” ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้แยกย้ายไปทำงานที่อื่น
:: เขื่อนบางลาง ::
ตั้งอยู่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ ห่างจากจังหวัดยะลาไปตามทางหลวงหมายเลข 410 ประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายไปอีก12 กิโลเมตร เขื่อนบางลางเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิด กั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน บางลาง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2524บริเวณเหนือเขื่อนในบริเวณที่ตั้งของสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีจุดชมทิวทัศน์มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำและทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม ติดต่อบ้านพักรับรอง โทร. 0 7328 1063-6 ต่อ 2206 บริการล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาบเหนือเขื่อน โทร. โทร. 0 7328 1063-6 ต่อ 2209, 2205
:: นกนางแอ่น ::
ยามพลบค่ำ บนท้องฟ้าในย่านชุมชนกลางเมืองเบตง จะเต็มไปด้วยนกนางแอ่น ที่บินมาอาศัยหลับนอนเกาะอยู่ตามอาคารบ้านเรือน และสายไฟฟ้าอยู่มากมาย โดยเฉพาะที่บริเวณหอนาฬิกา ซึ่งประดับด้วยไฟฟ้าสว่างไสวตลอดคืน จะมีนกหนาแน่นเป็นพิเศษ เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเบตง นกนางแอ่นเหล่านี้บินหนีความหนาวมาจากไซบีเรีย จะพบเห็นเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนกันยายน-มีนาคม
:: น้ำตกอินทสร ::
อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตง 15 กิโลเมตร หรือเลยจากบ่อน้ำร้อนเบตงไปอีก 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากภูเขา รอบบริเวณปกคลุมด้วยป่าไม้ร่มรื่น และมีแอ่งน้ำสามารถว่ายน้ำเล่นและพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
จ.ระนองสถานที่ท่องเที่ยว
:: พลับพลึงธารบานเร้นลับ ที่ผืนป่าคลองนาคา ::
พลับพลึงธาร คือ ที่สุดของความเร้นลับอย่างหนึ่งในผืนป่าคลองนาคา เดือนพฤศจิกายนทุกปี ทั้งคลองนาคาจะเต็มไปด้วยดอกไม้หายากชนิดนี้
ผืนป่าคลองนาคา กิ่งอ.สุขสำราญ จ.ระนอง เป็นป่าดงดิบ ผืนใหญ่ที่ต่อเนื่องกับป่าเขาสกและป่าคลองแสง ในเขตจ.สุราษฎร์ธานีและป่าศรีพังงา อ.คุระบุรี จ.พังงา จนกลายเป็นผืนป่าที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรภาคใต้ความลี้ลับของ ป่าดงดิบผืนนี้มีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือความงามของดอกพลับพลึงธาร (Crinum thaianum) ไม้น้ำหายากซึ่งพบที่เดียวในเมืองไทยที่คลองนาคา ซึ่งเดือนพฤศจิกายน คือเดือนที่พลับพลึงธาร บานมากที่สุด
พลับพลึงธารบานเร้นลับ ที่ผืนป่าคลองนาคา จ.ระนอง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเวลาเช้าก่อน 09.00 น.
ฤดูกาลที่ดี ที่สุด: เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: จุดชมพลับพลึงธารคลองนาคา
:: บ่อน้ำร้อน-สวนสาธารณะรักษะวา ริน ::
อยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4005 ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 2 กิโลเมตร ในปี พ.ศ.2433 พระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสเมืองระนอง ได้พระราชทานชื่อถนนที่จะไปยังบ่อน้ำร้อนว่า “ถนนชลระอุ” บ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่และบ่อ ลูก ทั้ง 3 บ่อมีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส สามารถใช้ดื่มและอาบได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่การบำบัดรักษาสุขภาพ นอกจากนี้ยังถือเป็นน้ำบริสุทธิ์ จึงเป็นแหล่งหนึ่งที่นำไปผ่านพิธีพุทธาภิเษก ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในคราวพระราชพิธีฉลองพระ ชนมพรรษา ครบ 5 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นบริเวณใกล้ ๆ บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ “รักษะวาริน” มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
:: เกาะพยาม ::
เกาะพยาม ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลเกาะพยาม ห่างจากปากน้ำระนองประมาณ 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือ 1-2 ชั่วโมง เกาะพยามเป็นแหล่งปลูกมะม่วงหิมพานต์ หรือกาหยู ที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัด มีชายหาดขาวสะอาดทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามตัวเกาะหลายแห่ง
การเดินทาง จากปากน้ำระนอง บริเวณท่าเรือสะพานปลา สามารถเช่าเหมาเรือ ราคา 1,000 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง หรือติดต่อเรือเร็วของเกาะพยามรีสอร์ท ติดต่อล่วงหน้าได้ที่ โทร. 0 7781 2297, 0 1219 2677 หรือติดต่อบริการนำเที่ยวเป็นหมู่คณะของโรงแรมจันทร์สมธารา สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0 2946 3639, 0 2946 3720 สำนักงานระนอง โทร. 0 7782 1511
นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะพยามยังมีเกาะอีกหลายแห่ง ซึ่งเป็นแหล่งตกปลา เช่น เกาะสินไห เกาะช้าง นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเช่าเหมาเรือจากปากน้ำระนอง ท่าเรือสะพานปลาได้เช่นเดียวกัน
:: คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ ::
อยู่ในเขตบ้านทับหลี ตำบลละมุ กิโลเมตรที่ 545 ของทางหลวงหมายเลข 4 ห่างจากเขตเทศบาลเมือง 66 กิโลเมตร บริเวณนี้เป็นส่วนที่แคบที่สุดของแหลมมลายู โดยมีระยะจากฝั่งทะเลทางตะวันตกจรดตะวันออก กว้างเพียง 44 กิโลเมตร มีแผ่นป้ายคอนกรีตขนาดใหญ่จำลองแผนที่แสดงจุดที่ตั้งของคอคอดกระ ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมากแห่งหนึ่งของจังหวัด ระนอง และยังสามารถชมทิวทัศน์ของแม่น้ำกระบุรี ซึ่งแบ่งพรมแดนไทย-พม่า ได้อย่างชัดเจน
:: ภูเขาหญ้าหรือเขาหัวล้าน หรือเขาผี ::
ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหงาว จากเขตเทศบาลเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) ประมาณ 13 กิโลเมตร เขาหัวล้านหรือเขาผีนี้ เป็นภูเขาที่ไม่มีไม้ใหญ่ขึ้น ในฤดูฝนมีหญ้าสีเขียวขึ้นปกคลุมแนวเขาที่ทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ บางครั้งจึงเรียกว่า ภูเขาหญ้า ที่ราบเชิงเขามีทางเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวขึ้นสู่บนสันเขาเพื่อชม ทิวทัศน์โดยรอบ
:: หาดชาญดำริ ::
อยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนองไปตามทางหลวงหมายเลข 4004 (ระนอง-ปากน้ำ) ระยะทาง 9 กิโลเมตร หรือห่างจากสุสานเจ้าเมืองระนอง 8 กิโลเมตร ก่อนถึงหาดชาญดำริประมาณ 200 เมตร จะเป็นเนินเขาสูง สามารถชมทิวทัศน์ของชุมชนปากน้ำระนอง และเกาะสองหรือวิคตอเรียพอยท์ของฝั่งพม่า ตลอดจนเกาะแก่งอื่นๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำกระบุรีและยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถชมพระ อาทิตย์ตกได้อย่างดี หาดชาญดำริมีท่าเทียบเรือสำหรับเรือท่องเที่ยวซึ่งบริการนำเที่ยวไปยังเกาะ แก่งต่างๆ ของระนองในทะเลอันดามันด้วย
:: น้ำตกโตนเพชร ::
ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลราชกรูด ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนอง 29 กิโลเมตร (ระนอง-พังงา) กิโลเมตรที่ 641 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนลูกรังที่มีป้ายบอกทางเข้าค่ายลูกเสือระนอง 2 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำตกโตนเพชร ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 11 ชั้น แต่ละชั้นสายน้ำมีลักษณะลดหลั่นลงมาผ่านแนวชะง่อนหินดูสวยงาม และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี โดยต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาพ่อตาโชงโดง ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดระนอง ส่วนสภาพป่าข้างเคียงเป็นป่าดิบชื้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปชมน้ำตกโตนเพชร สามารถติดต่อชาวบ้านที่อยู่ใกล้น้ำตกให้เป็นผู้นำทางไปชมน้ำตกได้
:: น้ำตกปุญญบาล ::
เดิมชื่อน้ำตกเส็ดตะกวด ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลบางนอน ริมทางหลวงหมายเลข 4 ทางไปจังหวัดชุมพร กิโลเมตรที่ 597 จะเห็นน้ำตกอยู่ด้านขวามือ สูงประมาณ 20 เมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวแวะพักผ่อน มีบริเวณที่จอดรถ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|